แทงบอลสเต็ป คือ รูปแบบการแทงบอลที่ผู้เล่นเลือกแทงหลายคู่ภายในบิลเดียว หากผลการแข่งขันของทุกคู่ที่เลือกถูกต้องทั้งหมด ผู้เล่นจะได้รับเงินรางวัลมากกว่าแทงแบบเดี่ยวหลายเท่า แต่มาพร้อมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนคู่ที่เลือก
ในบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้ทุกแง่มุมของการแทงบอลสเต็ป ตั้งแต่หลักการพื้นฐาน วิธีคำนวณกำไร ไปจนถึงเทคนิคการเลือกคู่ให้ได้ ROI สูงสุด พร้อมตัวอย่างจริงและเครื่องมือคำนวณที่จะช่วยให้คุณเดิมพันอย่างมั่นใจ ตลาดบอลยังมีรูปแบบการแทงบอลหรือแทงบอลออนไลน์ประเภทอื่นๆให้ศึกษาข้อมูลภายในเว็บไซต์ของเราอีกหลายประเภท
แทงบอลสเต็ปคืออะไร? แตกต่างจากบอลเดี่ยวอย่างไร

แทงบอลสเต็ป หรือ Parlay/Accumulator คือการเดิมพันที่ต้องเลือกผลการแข่งขันตั้งแต่ 2 คู่ขึ้นไปในบิลเดียว โดยจะได้รับเงินรางวัลก็ต่อเมื่อทายถูกทุกคู่เท่านั้น หากผิดพลาดแม้เพียงคู่เดียว บิลทั้งใบจะเสียหมด
แทงบอลสเต็ป vs บอลเดี่ยว ต่างกันอย่างไร?
| เกณฑ์เปรียบเทียบ | บอลเดี่ยว (Single Bet) | บอลสเต็ป (Parlay) |
| จำนวนคู่ขั้นต่ำ | 1 คู่ | 2-12 คู่ |
| วิธีคิดกำไร | เงินเดิมพัน × อัตราต่อรอง | เงินเดิมพัน × อัตราต่อรองทุกคู่ |
| โอกาสชนะ | สูง (50-70% โดยเฉลี่ย) | ต่ำ (ลดลงตามจำนวนคู่) |
| ผลตอบแทน | ต่ำ-ปานกลาง | สูงมาก |
| ความเสี่ยง | ต่ำ | สูง |
| เหมาะกับ | มือใหม่, เล่นปลอดภัย | มือโปร, ชอบความท้าทาย |
ตัวอย่างเปรียบเทียบกำไร
- บอลเดี่ยว: เดิมพัน 100 บาท @ 1.80 = กำไร 80 บาท
- บอลสเต็ป 3 คู่: เดิมพัน 100 บาท @ 1.80×1.70×1.60 = 4.90 = กำไร 390 บาท
สรุป: บอลสเต็ปให้ผลตอบแทนสูงกว่าบอลเดี่ยวถึง 4-5 เท่า แต่โอกาสชนะลดลงเป็น 25-30% เมื่อเทียบกับบอลเดี่ยวที่ 50-60%
แทงบอลสเต็ปมีกี่แบบ? เลือกเล่นแบบไหนดี
การแทงบอลสเต็ปแบ่งตามจำนวนคู่และรูปแบบการเดิมพัน ได้ดังนี้:
แบ่งตามจำнวนคู่
- Doubles (2 คู่): โอกาสชนะสูงสุด เหมาะมือใหม่
- Trebles (3 คู่): สมดุลระหว่างเสี่ยงกับผลตอบแทน
- 4-Fold ถึง 12-Fold: กำไรสูงมาก แต่เสี่ยงสูงตาม
แบ่งตามรูปแบบ
- สเต็ปปกติ: ต้องถูกทุกคู่
- System Bet: ถูกบางคู่ก็ได้เงิน (จะกล่าวในหัวข้อถัดไป)
- Mix Parlay: สเต็ปหลายกีฬาในบิลเดียว
คำแนะนำ: มือใหม่ควรเริ่มจาก 2-3 คู่ เมื่อชำนาญแล้วค่อยเพิ่มเป็น 4-5 คู่ การเล่น 6+ คู่ต้องใช้ดวงมากกว่าฝีมือ
คู่มือแทงบอลสเต็ปทีละขั้นตั้งแต่ 2–12 คู่

การแทงบอลสเต็ปเริ่มต้นง่ายๆ แต่ต้องรู้จักวางแผนและคัดเลือกคู่อย่างระมัดระวัง ต่อไปนี้คือขั้นตอนการแทงแบบละเอียด
ขั้นตอนที่ 1: วิเคราะห์และเลือกคู่
กฎทอง: เลือกคู่ที่มั่นใจมากที่สุดก่อน ไม่ใช่คู่ที่ให้ค่าน้ำดีที่สุด
เกณฑ์คัดเลือกคู่
- ฟอร์มล่าสุด 5 นัด: ทีมต้องชนะ/เสมออย่างน้อย 3 นัด
- สถิติ H2H: ผลงานเจอกันล่าสุด 3 นัดย้อนหลัง
- อัตราต่อรอง: อยู่ในช่วง 1.30-2.00 (หลีกเลี่ยงแต้มต่อสูงเกิน 2.5)
- สถานะนักเตะ: ตรวจข่าวบาดเจ็บแกนหลักก่อนแทง
ประเภทการเดิมพันที่เหมาะกับสเต็ป
- แฮนดิแคป 0, 0.25, 0.5: ความเสี่ยงปานกลาง
- สูง/ต่ำ 2.0-2.5: วิเคราะห์ได้จากสถิติ
- ทีมเจ้าบ้านชนะ: เมื่อมีความได้เปรียบชัดเจน
ขั้นตอนที่ 2: ใส่คู่ลงบิลและตรวจค่าน้ำ
วิธีใส่บิลสเต็ป
- เข้าหน้าแทงบอลของเว็บ
- คลิกเลือกคู่ที่ต้องการ (จะเข้า Betslip อัตโนมัติ)
- เปลี่ยนจาก “Single” เป็น “Multiple/Parlay”
- กรอกจำนวนเงินเดิมพัน
- ตรวจสอบ Total Odds และ กำไรที่คาดว่าจะได้
สิ่งที่ต้องระวัง
- อัตราต่อรองเปลี่ยน: ค่าน้ำอาจปรับในขณะใส่บิล
- คู่ที่เลื่อนการแข่ง: ตรวจสอบกฎการคืนเงิน
- จำกัดการเดิมพัน: บางคู่อาจจำกัดจำนวนสเต็ป
ขั้นตอนที่ 3: คำนวณกำไรและความเสี่ยง
สูตรคำนวณพื้นฐาน
กำไรที่คาดหวัง = เงินเดิมพัน × (อัตราต่อรองคู่ที่ 1 × คู่ที่ 2 × … × คู่สุดท้าย) – เงินเดิมพัน
ตัวอย่างการคำนวณ 3 คู่
- เรอัล มาดริด vs บาร์เซโลนา → แทงเรอัล @ 1.80
- แมนยู vs ลิเวอร์พูล → แทงแมนยู @ 1.70
- บาเยิร์น vs ดอร์ทมุนด์ → แทงบาเยิร์น @ 1.60
การคำนวณ: 100 บาท × (1.80 × 1.70 × 1.60) = 100 × 4.896 = 489.60 บาท กำไรสุทธิ: 489.60 – 100 = 389.60 บาท
โอกาสชนะจริง (สมมติแต่ละคู่ชนะ 60%)
โอกาสชนะทั้งบิล = 0.6 × 0.6 × 0.6 = 21.6%
สรุป: จาก 5 ครั้งที่แทง จะชนะประมาณ 1 ครั้งได้กำไร 389 บาท แต่เสีย 4 ครั้ง ๆ ละ 100 บาท คุ้มค่าหรือไม่ต้องพิจารณา
ขั้นตอนที่ 4: ยืนยันบิลและติดตาม
ก่อนยืนยันบิล
- [ ] ตรวจเวลาแข่งให้ถูกต้อง
- [ ] ดูค่าน้ำล่าสุดอีกครั้ง
- [ ] ยืนยันจำนวนเงินและประเภทการเดิมพัน
- [ ] Screenshot บิลไว้เป็นหลักฐาน
การติดตามผล
- ดูสดทุกคู่: หยุดติดตามเมื่อคู่ใดแพ้
- ตรวจผลหลังเสร็จ: ใช้ เครื่องคำนวณกำไร ฟรี เช็คผลอีกรอบ
- บันทึกสถิติ: ทำ Excel บันทึกผลชนะ-แพ้เพื่อปรับกลยุทธ์
สรุป: การแทงบอลสเต็ปต้องใช้ความรอบคอบตั้งแต่การวิเคราะห์ การใส่บิล ไปจนถึงการติดตาม มือใหม่ควรเริ่มจากสเต็ป 2-3 คู่ เมื่อมีประสบการณ์แล้วค่อยเพิ่มจำนวน
ขั้นตอนที่ 5: จัดการผลลัพธ์
เมื่อชนะ
- รับเงินทันที: เช็คยอดในบัญชี
- บันทึกกลยุทธ์: จดวิธีเลือกคู่ที่ทำให้ชนะ
- ตั้งเป้าถัดไป: ไม่เพิ่มเงินเดิมพันทันที รักษาระบบ
เมื่อแพ้
- วิเคราะห์สาเหตุ: คู่ไหนผิดพลาดและทำไม
- ปรับกลยุทธ์: เปลี่ยนเกณฑ์คัดเลือกถ้าจำเป็น
- พักระยะสั้น: หลีกเลี่ยงการไล่เงินคืนทันที
สรุป: ความสำเร็จในการแทงบอลสเต็ปไม่ได้มาจากการชนะครั้งเดียว แต่มาจากการจัดการเงินทุนและรักษาระบบให้สม่ำเสมอ หรือศึกษาคู่มือสเต็ปทีละขั้น เพิ่มเติม
วิธีคำนวณเงินบอลสเต็ป & Expected Value (EV)

การคำนวณเงินบอลสเต็ปไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่ต้องเข้าใจหลักการและรู้จักกรณีพิเศษต่าง ๆ เช่น ได้ครึ่ง เสียครึ่ง หรือเสมอ
สูตรคำนวณกำไรพื้นฐาน
การคำนวณแบบธรรมดา (ชนะเต็มทุกคู่)
เงินได้รวม = เงินเดิมพัน × อัตราต่อรองคู่ที่ 1 × อัตราต่อรองคู่ที่ 2 × … × อัตราต่อรองคู่สุดท้าย
ตัวอย่างสเต็ป 4 คู่
- เลสเตอร์ vs วูล์ฟแฮมป์ตัน → แทงเลสเตอร์ @ 2.10 ✅
- เชลซี vs สเปอร์ส → แทงเชลซี @ 1.85 ✅
- อาร์เซนอล vs แอสตัน วิลลา → แทงอาร์เซนอล @ 1.75 ✅
- แมนซิตี้ vs เอฟเวอร์ตัน → แทงแมนซิตี้ @ 1.45 ✅
คำนวณ: 100 บาท × (2.10 × 1.85 × 1.75 × 1.45) = 100 × 9.837 = 983.70 บาท กำไรสุทธิ: 983.70 – 100 = 883.70 บาท
การคำนวณกรณีพิเศษ
กรณีได้ครึ่ง (Win Half)
เกิดขึ้นเมื่อแทงทีมต่อและชนะพอดีครึ่งลูก เช่น ต่อ 0.25 และชนะ 1 ลูก
สูตร: อัตราต่อรองได้ครึ่ง = (อัตราต่อรองเต็ม – 1) ÷ 2 + 1
ตัวอย่าง: แทงทีมต่อ 0.25 @ 1.90 และชนะ 1 ลูก
- อัตราต่อรองได้ครึ่ง = (1.90 – 1) ÷ 2 + 1 = 1.45
- ถ้าเป็นสเต็ป 3 คู่: 100 × 1.45 × 1.80 × 1.70 = 443.70 บาท
กรณีเสียครึ่ง (Lose Half)
เกิดขึ้นเมื่อแทงทีมต่อและแพ้พอดีครึ่งลูก เช่น ต่อ 0.25 และเสมอ
สูตร: เงินได้คืน = เงินเดิมพัน ÷ 2
ตัวอย่าง: สเต็ป 3 คู่ มี 1 คู่เสียครึ่ง
- คู่ที่ 1: ชนะเต็ม @ 1.80
- คู่ที่ 2: ชนะเต็ม @ 1.70
- คู่ที่ 3: เสียครึ่ง @ 1.60
คำนวณ: (100 × 1.80 × 1.70) ÷ 2 = 153 บาท
ศึกษาขั้นตอนการคำนวนบิลอย่างละเอียด
การคำนวณ Expected Value (EV)
Expected Value คือมูลค่าที่คาดหวังได้จากการเดิมพัน คำนวณได้จาก:
EV = (โอกาสชนะ × กำไรเมื่อชนะ) – (โอกาสแพ้ × เงินเสียเมื่อแพ้)
ตัวอย่างการคำนวณ EV
สมมติสเต็ป 3 คู่ @ 4.90 เดิมพัน 100 บาท
- กำไรเมื่อชนะ = 390 บาท
- เสียเมื่อแพ้ = 100 บาท
- โอกาสชนะแต่ละคู่ = 60%
- โอกาสชนะทั้งบิล = 0.6³ = 21.6%
EV = (0.216 × 390) – (0.784 × 100) = 84.24 – 78.40 = +5.84 บาท
การแปลผล EV
- EV > 0: การเดิมพันคุ้มค่า มีผลตอบแทนเชิงบวกในระยะยาว
- EV = 0: การเดิมพันเท่าทุน ไม่ได้ไม่เสีย
- EV < 0: การเดิมพันไม่คุ้มค่า จะเสียเงินในระยะยาว
สรุป: การคำนวณ EV ช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรแทงหรือไม่ หากได้ EV เชิงบวกแสดงว่าการเดิมพันนั้นคุ้มค่าในระยะยาว
เครื่องมือช่วยคำนวณ
Parlay Calculator ฟรี
เว็บไซต์ที่แนะนำ:
- OddsPortal Calculator: รองรับได้ครึ่ง/เสียครึ่ง
- Calculator Soup: คำนวณ EV และความน่าจะเป็น
- Bet Calculator: รองรับหลายประเทศ รวมไทย
วิธีใช้ Calculator
- เลือกประเภท “Accumulator” หรือ “Parlay”
- ใส่อัตราต่อรองแต่ละคู่
- ระบุจำนวนเงินเดิมพัน
- กดคำนวณเพื่อดูผลลัพธ์ทันที
ข้อดี: ประหยัดเวลา ลดข้อผิดพลาด ประมาณการได้แม่นยำ ข้อเสีย: ต้องใส่ข้อมูลใหม่ทุกครั้ง ไม่ได้เก็บประวัติการคำนวณ
สรุป: การเข้าใจวิธีคำนวณเงินบอลสเต็ปและ EV เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเดิมพันได้อย่างมีข้อมูล {ใช้ Parlay Calculator ฟรี} เพื่อประหยัดเวลาและเพิ่มความแม่นยำ
แทงบอลสเต็ปตาย 1 คู่ได้เงินไหม? เงื่อนไขโมฆะ

คำถามที่ นักเดิมพันสเต็ป ถามกันบ่อยที่สุดคือ “ถ้าสเต็ปตาย 1 คู่จะได้เงินบ้างไหม” คำตอบขึ้นอยู่กับเหตุผลที่ทำให้คู่นั้น “ตาย” และเงื่อนไขของเว็บแต่ละแห่ง
กรณีที่สเต็ปตาย และผลที่เกิดขึ้น
กรณีที่ 1: คู่ถูกยกเลิก/เลื่อน (Void/Postponed)
ผลลัพธ์: คู่นั้นจะถูกตัดออกจากบิล สเต็ปจะกลายเป็นสเต็ปที่มีจำนวนคู่น้อยลง
ตัวอย่าง: สเต็ป 4 คู่ มี 1 คู่ถูกยกเลิก
- คู่ที่ 1: @ 1.80 ✅
- คู่ที่ 2: @ 1.70 ✅
- คู่ที่ 3: @ 1.60 VOID
- คู่ที่ 4: @ 1.90 ✅
ผลการคำนวณ: 100 × 1.80 × 1.70 × 1.90 = 582.60 บาท (ไม่นับคู่ที่ 3)
กรณีที่ 2: ทายผลผิด (Lose)
ผลลัพธ์: บิลเสียทั้งใบ ไม่ได้เงินเลย
ไม่มีข้อยกเว้น: แม้จะถูก 99% หากผิด 1 คู่ = เสียหมด
กรณีที่ 3: เสมอ (Draw) – ขึ้นอยู่กับประเภทการเดิมพัน
การเดิมพัน 1X2: เสมอถือเป็นผลหนึ่ง ถ้าไม่ได้แทงเสมอ = แพ้ การเดิมพันแฮนดิแคป: เสมออาจได้ครึ่ง เสียครึ่ง หรือ Void ตามกฎ
เงื่อนไขโมฆะของเว็บต่าง ๆ
เงื่อนไขมาตรฐาน (ใช้กับเว็บส่วนใหญ่)
- การแข่งไม่เริ่ม: คู่โมฆะ ตัดออกจากบิล
- การแข่งหยุดครึ่งทาง:
- หยุดก่อน 90 นาที = โมฆะ
- หยุดหลัง 90 นาที = ยึดผลตอนนั้น
- เปลี่ยนสนาม: โมฆะ (ยกเว้นแจ้งล่วงหน้า 24 ชม.)
- ข้อผิดพลาดอัตราต่อรอง: เว็บสงวนสิทธิ์ยกเลิก
เงื่อนไขพิเศษ (เว็บบางแห่ง)
- Insurance Bet: คืนเงินบางส่วนถ้าผิด 1 คู่
- Parlay Plus: ได้เงินแม้ผิด 1-2 คู่ (แต่น้อยลง)
- Boost Protection: ปกป้องโบนัสถ้าผิดคู่สุดท้าย
วิธีตรวจสอบสถานะคู่ที่สงสัย
ขั้นตอนตรวจสอบ
- เข้าหน้า My Bets ในเว็บ
- ดูสถานะแต่ละคู่:
- Settled: จบแล้ว ชนะ/แพ้/เสมอ
- Void: โมฆะ
- Pending: รอผลการแข่งขัน
- ตรวจสอบเหตุผล: คลิกดูรายละเอียดว่าทำไมถึงโมฆะ
- ติดต่อ Support: หากเกิดข้อสงสัย
เอกสารที่ควรเก็บไว้
- Screenshot บิลก่อนแทง
- Screenshot ข่าวการยกเลิกคู่ (ถ้ามี)
- บันทึกเวลาที่ใส่บิลและเวลาแข่งจริง
สรุป: การที่สเต็ปตาย 1 คู่จะได้เงินหรือไม่ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเป็นการยกเลิกหรือเลื่อน คู่นั้นจะถูกตัดออก แต่หากเป็นการทายผลผิด บิลจะเสียทั้งใบ
กลยุทธ์ลดความเสี่ยงจากคู่ตาย
วิธีป้องกันก่อนแทง
- เช็คข่าวก่อนแทง: ดูสถานะนักเตะ สภาพอากาศ ข่าวลือ
- หลีกเลี่ยงลีกเสี่ยง: ลีกที่มีปัญหาการจัดการ หรือช่วงหน้าฝน
- แทงก่อนเวลา: ใส่บิลล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
- เลือกเว็บที่มี Protection: มีโปรโมชั่นประกันสเต็ป
วิธีจัดการหลังแทง
- ติดตามข่าว: เช็คอัปเดตก่อนการแข่งขัน
- พิจารณา Cash Out: ถ้าเว็บมีระบบขายบิลก่อนเวลา
- Hedge Betting: แทงทางตรงข้ามเพื่อลดความเสี่ยง
- เก็บประสบการณ์: บันทึกปัญหาเพื่อหลีกเลี่ยงในอนาคต
สรุป: แม้ว่าการตายของคู่ในสเต็ปจะเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ แต่การเตรียมตัวและเข้าใจกฎของเว็บจะช่วยลดผลกระทบได้มาก กรณี สเต็ปตาย 1 คู่ ควรศึกษาเงื่อนไขของเว็บให้ชัดเจนก่อนเดิมพัน
System Bet คืออะไร? ต่างจากสเต็ปปกติไหม
System Bet เป็นรูปแบบการแทงบอลสเต็ปที่ยืดหยุ่นกว่าสเต็ปปกติ เพราะยอมให้ผิดพลาดได้บางคู่แต่ยังได้เงินรางวัล เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการทายผิด 1-2 คู่
System Bet vs สเต็ปปกติ แตกต่างอย่างไร
| เกณฑ์ | สเต็ปปกติ | System Bet |
| เงื่อนไขชนะ | ต้องถูกทุกคู่ | ถูกตามจำนวนที่กำหนด |
| ความเสี่ยง | สูงมาก (ผิด 1 = เสีย) | ปานกลาง |
| ผลตอบแทน | สูงสุด | ปานกลาง-สูง |
| ต้นทุน | ต่ำ | สูงกว่า (หลายบิล) |
ตัวอย่าง System 2/3: เลือก 3 คู่ แต่ถูกแค่ 2 คู่ก็ได้เงิน ระบบจะสร้างบิลสเต็ป 2 คู่ทุกชุดที่เป็นไปได้ (รวม 3 บิล) ถ้าถูก 2 คู่จะได้เงินจาก 1 บิล หากถูกทั้ง 3 คู่จะได้เงินจากทั้ง 3 บิล
สรุป: System Bet เหมาะกับคนที่ต้องการความปลอดภัยมากกว่าผลตอบแทนสูงสุด {รู้จัก System Bet} เพื่อเรียนรู้วิธีการและรูปแบบต่าง ๆ โดยละเอียด
เทคนิคเลือกคู่ให้ ROI สูง ใช้สถิติอะไรบ้าง
การเลือกคู่สำหรับบอลสเต็ปไม่ใช่เรื่องของโชค แต่ต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มโอกาสชนะและได้ ROI (Return on Investment) ที่คุ้มค่า
4 เกณฑ์หลักในการคัดเลือกคู่
1. สถิติฟอร์มล่าสุด (Recent Form)
- ชนะ 3 จาก 5 นัดล่าสุด: เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำ
- ไม่แพ้ติดต่อกัน 2 นัด: หลีกเลี่ยงทีมที่กำลังตกฟอร์ม
- สกอร์เฉลี่ย: ยิงได้ ≥ 1.5 ลูก/นัด และเสียเฉลี่ย ≤ 1.0 ลูก/นัด
2. สถิติ Head-to-Head (H2H)
- ผลงานเจอกัน 3 นัดล่าสุด: ชนะอย่างน้อย 1 นัด
- รูปแบบการเล่น: เหมาะกับสไตล์การเดิมพันที่เลือก
- สถิติเป้าหมาย/สนาม: เจ้าบ้านควรมีสถิติดีกว่า
3. ข้อมูล xG (Expected Goals)
- xG สูงกว่าฝ่ายตรงข้าม: อย่างน้อย 0.5 xG/นัด
- xGA (Expected Goals Against): ต่ำกว่าฝ่ายตรงข้าม
- Conversion Rate: เปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้ดี
4. ปัจจัยภายนอก
- ข่าวบาดเจ็บ: ตรวจสอบแกนหลัก 11 คน
- แรงจูงใจ: ลีกเก็บแต้ม vs คัพ vs บิ๊กแมตช์
- สภาพอากาศ: ฝน/หิมะ มีผลต่อการเล่น
สรุป: การใช้ข้อมูลเชิงสถิติประกอบการตัดสินใจจะเพิ่มโอกาสชนะได้อย่างชัดเจน {เทคนิค เลือกคู่บอล} ให้รายละเอียดเครื่องมือวิเคราะห์และตัวอย่างการใช้งานจริง
สรุป & Next Step
- แทงบอลสเต็ปให้ผลตอบแทนสูงกว่าบอลเดี่ยว 3-10 เท่า แต่ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามจำนวนคู่
- การคำนวณกำไรใช้สูตรคูณอัตราต่อรองทุกคู่ ต้องเข้าใจกรณีได้ครึ่ง/เสียครึ่ง/โมฆะ
- สเต็ปตาย 1 คู่จะได้เงินก็ต่อเมื่อคู่นั้นถูกยกเลิก หากทายผลผิดจะเสียทั้งบิล
- การเลือกคู่ควรใช้สถิติและวิเคราะห์ ไม่ใช่แค่ดูค่าน้ำ มือใหม่เริ่มจาก 2-3 คู่
- Expected Value (EV) ช่วยประเมินว่าการเดิมพันคุ้มค่าหรือไม่ในระยะยาว
อ่านต่อ:
- ลอง แทงบอลสด เพื่อลดความเสี่ยงด้วยข้อมูลเรียลไทม์
- เปรียบเทียบ แทงบอลเดี่ยว vs สเต็ป แบบไหนเหมาะกับคุณ
- เรียนรู้ การบริหารเงินทุน สำหรับนักเดิมพันสเต็ป
- ทำความเข้าใจ อัตราต่อรอง และการคำนวณค่าน้ำ
- ศึกษา เทคนิคแทงบอลสูงต่ำ อีกรูปแบบการเดิมพันยอดนิยม
- สำรวจ ประเภทการเดิมพัน อื่น ๆ ที่น่าสนใจ




